27 December 2011

คุณหมอวีซ่าขอส่งท้ายปีด้วยการแสดงความยินดีกับน้องๆลูกหลานทั้งหลายที่ได้รับวีซ่าทั้งที่ขอใหม่ ต่อใหม่ หรือที่โดนยกเลิกไปแล้ว และได้คืนผ่านทางทีมงาน CP Inter และทั้งที่โดนปฏิเสธ แต่กลับได้รับวีซ่าออกใหม่ไปเรียบร้อย โดยเฉพาะ ณ เวลาที่เขียนอีก 5 วันก็ถึงวันคริสต์มาส คุณหมอวีซ่าขอแสดงความยินดีที่มีโอกาสมอบของขวัญคริสต์มาสอันล้ำค่าโดยการคืนอนาคตให้กับน้องคนหนึ่งที่เป็นที่รักชอบของทีมงาน CP เรามากกันทุกคน ที่มีทั้งหน้าตาและชื่อเล่นหวานเหมือนขนมฝรั่ง ที่ชนะเคสจากอนุญาโตตุลาการ หรือ MRT มา หลังจากที่โดนเอเย่นส่งไปเรียนมาหลาย colleges ที่โรงเรียนโดนปิดมาบ้าง เพิกถอนคอร์สบ้าง สารพัด จนในที่สุด ถูกส่งไปเรียนในหลักสูตรที่สอนการรำกระบอกและการเต้นรำที่มีความรุนแรงพอควร ไม่เหมาะกับบุคคลิกของน้องเขาโดยสิ้นเชิง ทางเอเย่นสัญญาว่าจะเปลี่ยนโรงเรียนให้ ก็ไม่เกิด จนน้องเขาโดนทางโรงเรียนแจ้งยกเลิกวีซ่า โดนลอยแพมาเกือบปี โดยทางอิมฯทั้งไม่ให้เรียน ไม่ให้ทำงาน ก็ไม่ทราบว่าน้องเขาอยู่รอดมาได้อย่างไร น่าเห็นใจมากๆ แต่ตอนนี้ เนื่องจากทาง MRT ตัดสินใจคืนวีซ่านักเรียนกลับให้น้องแล้ว ก็เลยได้ไปเรียนหลักสูตรสอนนวดตามที่น้องเขาถนัด Happy Endings…ก็ขอให้น้องตั้งใจเรียน จะได้มีอนาคตที่สดใสในภายภาคหน้า เปิดร้านนวดเมื่อไร คุณหมอวีซ่าจะช่วยส่งลูกค้าไปให้นะคะ เพราะเพื่อนๆ เจ้าหน้าที่สถาบันทั้งหลายก็ทำงานหนักๆ ขี้เมื่อยกันทั้งน้าน… ขณะที่ส่งข่าวดีในช่วงสิ้นปีให้กับน้องๆหลายคนที่มาขอความช่วยเหลือ หรือที่ส่งผ่านทางหลายเอเย่นซี่มาให้ช่วยแก้ปัญหาวีซ่าให้น้องๆจนประสบความสำเร็จ รวมทั้งน้องๆอีก 3 รายที่เมื่อเร็วๆนี้ได้คืนวีซ่าคืนมาจากแผนก Compliance ของอิมฯ เนื่องจากโดนโรงเรียนแจ้งยกเลิก COE ซึ่งตอนนี้ก็ได้ไปเรียนหลักสูตรการกีฬา (Sports and Fitness) ตามบุคคลิกและความรักชอบ (หรือจะว่าไป ก็ตามหุ้น personal trainers ของน้องๆ) แฮบปี้ดี๋ด๋าไปแล้ว ก็มีน้องๆหลายรายที่มาพบคุณหมอวีซ่าเอาตอนสายเกินไปเสียแล้ว (สายเกินแก้ ว่างั้นเถอะ) ขอยกตัวอย่างน้องผู้หญิงที่มาพบเมื่อวานสดๆร้อนๆ ขอเรียกนามสมมุติเป็นน้อง A ก็แล้วกันนะคะ ถือวีซ่านักเรียนที่นี่มาร่วม 3 ปีในออสเตรเลีย เรียนดิพฯมา 2 หลักสูตร แต่วีซ่าหมดไปเมื่อวันที่ 11 ธันวาฯที่ผ่านมา น้องเขามีแฟนฝรั่งที่เป็น citizen ที่นี่และได้กินอยู่กันมาเกือบ 8 เดือน เอเย่นนักเรียนของเขาได้ไปจัดการยื่นต่อวีซ่านักเรียนให้ ทั้งๆที่น้องเขามีหลักฐานกินอยู่และมีสิทธิ์ที่จะได้วีซ่าคู่ครองภายใต้สปอนเซอร์ของแฟนเขาอย่างเต็มเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว การได้รับคำแนะนำที่ผิดๆมาอย่างนี้ นอกจากจะทำให้น้องเสี่ยงต่อการที่จะได้วีซ่านักเรียนตัวต่อไป เพราะอายุก็มากแล้ว แถมยังใช้สเตทเม้นท์การเงินชื่อร่วมกับของคนที่นี่อีก หลักสูตรก็ไม่ได้อยู่ในระดับสูง ท่านผู้อ่านก็ทราบกันมาบ้างแล้ว และคุณหมอวีซ่าเองก็เขียนมาหลายรอบแล้วว่าตอนนี้รัฐบาลออสเตรเลียได้ออกกฎเกณฑ์การพิจารณาวีซ่านักเรียนภายใต้กฎใหม่ที่เรียกว่า GTE หรือ Genuine Temporary Entrant คือต้องมีการพิจารณาเจตนาในการขอวีซ่านักเรียนที่แท้จริง ในกรณีนี้การใช้สเตทเม้นท์การเงินชื่อร่วมกับของแฟนที่เป็นคนที่นี่ อย่างนี้ ถ้าคุณหมอวีซ่าเป็นคนดูเคสให้ ก็จะไม่แนะนำให้ทำ เพราะเป็นการส่อเจตนาว่าจะมีการขออยู่เป็นผู้ถือถิ่นฐานถาวรที่นี่ในอนาคตอย่างค่อนข้างแน่นอน ซึ่งขัดแย้งต่อนโยบายของการออกวีซ่านักเรียน หากน้องคนนี้มาพบคุณหมอวีซ่าเร็วขึ้นสัก 1 สัปดาห์ อนาคตของน้องจะกลับตะลาปัดโดยสิ้นเชิง เพราะเอเย่นของน้องเขาเข้าใจผิดโดยสิ้นเชิงว่าน้องต้องเก็บหลักฐานกินอยู่ครบปีจึงจะยื่นเคสคู่ครองได้ ไม่จำเป็นเลยค่ะ น้องคนนี้มีหลักฐานกินอยู่ร่วม 8 เดือน สามารถไปจดทะเบียนความสัมพันธ์ที่เรียกว่า Relationship Registration ง่ายๆ ก็สามารถยื่นวีซ่าคู่สมรสได้ โดยหลังยื่นฟอร์มแล้ว ก็จะสามารถขอ work permit ทำงานเต็มเวลา พร้อมกับขอ Medicare ได้เลย โดยไม่ต้องไปเสียค่าเล่าเรียนและจำเจอยู่กับการไปเรียนหลักสูตรอะไรก็ไม่ทราบที่ไม่สร้างผลประโยชน์และไม่ตรงตามความรักชอบของน้องเขาเลย เสียดายที่เพื่อนเขาแนะนำมาหา CP Inter ช้าไปเพียงไม่กี่วัน ตอนนี้คุณหมอวีซ่าได้แต่ช่วยภาวนาให้เจอเจ้าหน้าที่ใจดีผ่านวีซ่าให้น้องเขา แล้วจะได้ช่วยน้องเขาดำเนินวีซ่าตัวใหม่ด้วยวิธีที่ถูกต้อง และตามสิทธิ์ที่น้องเขาพึงจะได้ตามกฎหมายให่เรียบร้อย แต่ที่น่าเป็นห่วง คือหากเจอเจ้าหน้าที่เคี่ยวที่ใช้กฎ GTE มาตัดสินวีซ่านักเรียนของน้องเขา ก็อาจทำให้วีซ่าไม่ผ่าน น้องอาจต้องเดินทางกลับไทยไปยื่นเคสใหม่ ซึ่งทำให้ต้องแยกกันอยู่กับแฟนเป็นปี เนื่องจากหากเขาโดนปฏิเสธวีซ่ามา ก็เท่ากับเป็นประเภท high risk applicant การพิจารณาเรื่องก็อาจใช้เวลานานขึ้นเป็นปีก็เป็นไปได้ จากตัวอย่างที่ยกให้ข้างต้นของน้อง A จะเห็นได้ว่าวงการวีซ่าของประเทศออสเตรเลียได้มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก กฎหมายเปลี่ยนบ่อยจนตามไม่ทัน เรื่องวีซ่าขอเตือนน้องๆด้วยความหวังดีว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะไปประหยัดกัน หากได้รับคำแนะนำที่ผิดๆมา เหมือนเคสของน้อง A ข้างต้น กลับทำให้ต้องเสียตังยิ่งมาก และอาจนำตัวเองไปเสี่ยงกับการเสียอนาคตอีก หากวีซ่าโดยปฏิเสธมาสักครั้ง ประวัติก็จะติดกับเราไปตลอดชีวิต ไม่คุ้มกันเลยค่ะ เมื่อเร็วๆนี้ ทางสมาพันธ์ Migration Alliance ก็ได้ออกสารถึง สมาชิกทั้งปวงให้ช่วยกันแจ้งการปฏิบัติของตัวแทนที่รับทำวีซ่าในประเทศออสเตรเลียโดยไม่ได้ถือใบอนุญาตของ MARA (Migration Agents Registration Authority) เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้บริโภค โดยคุณหมอวีซ่าจะขอตัดเพียงข้อความย่อๆที่เกี่ยวข้องมาลง ณ ที่นี่ให้ท่านผู้อ่านเข้าใจถึงความรุนแรงของกฎหมายเมืองนี้ที่รัฐบาลออสฯเองก็คอยจับตาจ้องอุตสาหกรรมในสายการทำวีซ่าอย่างไม่หยุดยั้ง ทางที่ดีจะประกอบอาชีพอะไร ก็ให้ทำภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย จะได้นอนตาหลับ เก่งด้านไหน ก็ทำด้านนั้นให้เกิดความชำนาญ คนไทยเรามีความสามารถมากมายหลายอย่างนะคะ 19 December 2011 Unregistered Onshore Immigration Assistance – Seeking Reports from RMAs Dear Colleagues The practice of a registered migration agent is fraught with all the challenges and difficulties attendant to a strongly regulated profession. The national interest and the interests of consumers are well served by a profession that is obliged to meet minimum standards of competence and expertise. The profession conducts its business across Australia and the overwhelming evidence is that the vast majority of RMA’s do so competently, professionally and ethically. There is however, a running sore which needs to be addressed. The whole multitude of “exemptions” incorporated in Section 280 now sees multitudes of persons who are not competent, well trained and accountable providing “immigration assistance” from inside Australia. What MA is asking you to do is to act as a listening post and to identify and unmask incidents where unqualified but exempt persons are providing bad advice to members of the public including their own employees. What we are looking to do is to provide evidence that these exemptions are not in the national interest and that they should be either withdrawn or curtailed. …………………………………..etc จากสารสั้นๆข้างต้น จะเห็นได้ว่าผู้เชี่ยวชาญในสายอาชีพการทำวีซ่า ก็ออกมาตักเตือนให้ทุกคนทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสาธารณชนที่ใช้บริการในการทำวีซ่าของประเทศออสเตรเลีย และวีซ่านักเรียนก็จัดเป็นหนึ่งในประเภทของวีซ่าที่นักเรียนและนักศึกษาพึงได้รับการปกป้องในฐานะผู้บริโภคท่านหนึ่งเช่นกัน จากการที่คุณคริส ผอ. CP Inter ที่เพิ่งได้รับเชิญให้ไปเข้าร่วมงานประจำปีจัดโดยสถานทูตออสเตรเลียที่กรุงเทพฯเมื่อวันที่ 16 December 2011 นี้โดยได้มีท่านเอกอัครราชทูตออสเตรเลียเป็นองค์ประธานงาน ก็ได้มีโอกาสคุยกับเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายทั้งฝ่าย Austrade และ Immigration คุณคริสได้ฝากทั้ง good news และ bad news จากข้อมูลที่รับทราบมาจากหัวหน้าฝ่ายวีซ่านักเรียนมา และข่าวดีก็คือ ทางอิมฯจะเชิญสถาบันหลายร้อยเจ้าที่ผ่านการคัดเลือกและกลั่นกรองของรัฐบาลฯ โดยจะให้สิทธิ์กับทางสถาบันการศึกษามากขึ้นในการคัดนักเรียนที่เข้าข่าย GTE ให้ได้รับวีซ่าง่ายขึ้น โดยสถาบันเหล่านั้นจะต้องเซ็นสัญญาว่าจะคัดเฉพาะเด็ก GTE จริงๆ หากอิมฯมาพบว่าสถาบันฯไม่ทำตามกฎ ก็จะโดนเพิกถอนสิทธิ์การผ่านวีซ่านักเรียนไปพร้อมกับโดนลงทัณฑ์ ทั้งนี้ก็จะหมายความว่า ทางสถาบันฯเองต้องทำการคัดเลือกเอเย่นที่ตนไว้ใจแต่งตั้งและอบรมให้ปฏิบัติภายใต้กฎหมายและระเบียบการที่รัฐบาลกำหนดอย่างเคร่งคัด มิฉะนั้น ข่าวร้ายก็คือ ทั้งสถาบันและเอเย่นก็จะเสี่ยงกับการถูกสอบสวนและโดนสั่งปิดไปในที่สุดหากจับได้ว่ามีการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายเกิดขึ้น หรือมีการคัดนักเรียน/นักศึกษาที่ไม่เข้าข่าย GTE หรือไม่มีเจตนาจะเข้าไปเรียนที่ออสเตรเลียอย่างแท้จริง หากแต่ใช้วีซ่านักเรียนเป็นทางผ่านเข้าออสเตรเลียไปเพื่อประสงค์อื่น จะเห็นได้ว่า รัฐบาลออสเตรเลีย หลังจากที่โดนนักเรียนอินเดียต่อต้านมาตั้งแต่ปลายปี 2009 จนเป็นข่าวไปทั่วโลกในเรื่องที่ไป link PR เข้ากับการศึกษา และจับได้ว่ามีผู้ยื่นวีซ่ารวมเอเย่นทำเรื่องปลอม ใช้เอกสารปลอมไปหลอกเขามามากมาย (สถิติล่าสุดก็คือจาก ใบสมัครวีซ่าทักษะหรือ skilled visas ที่ยื่นเข้าไปร่วม 45,000 ใบ อิมฯมาพบว่ามีกว่า 20,000 ใบที่ใช้เอกสารปลอมแปลง หรือให้ข้อมูลเท็จเข้าไป น่ากลัวจังนะคะ) เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว เราก็ต้องมาถามตนเองว่า เราจะโทษรัฐบาลออสเตรเลียไหมที่ขึ้นมาต่อต้าน ขึ้นมายกเลิกกฎที่เคยผ่อนผัน ขึ้นมาเปลี่ยนแปลงนโยบาย ขึ้นมาเคี่ยวกับระเบียบวีซ่า ฯลฯ เปรียบเสมือนเขาเช่าบ้านให้คนนอกอยู่ แต่ผู้คนเหล่านั้นหากจะพูดตามภาษาชาวบ้าน ก็คือ “เอาขี้ไปราดบ้านเขา” เขาก็ต้องมีมาตรการแก้ไข กำจัด กวาดล้างเป็นธรรมดา แต่ที่น่าเห็นใจ คือ เมื่อกฎใหม่ออกมา คนบริสุทธิ์ทั้งหลายที่ไม่ได้เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งปวง ก็โดนไปด้วย ก็ต้องรับกรรมรับเงื่อนไขวีซ่าใหม่ๆที่รัฐฯออกมานั่นเอง

ก่อนจะจากกันไป เนื่องในโอกาสส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ คุณหมอวีซ่าก็ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยในการอวยพรให้ทุกคนจงประสบแต่ความสุขและความสำเร็จ สมหวังตลอดทั้งปี 2012 นะคะ ใครที่รอพีอาร์ หรือรอผลวีซ่าทั้งหลายก็ขอให้ผ่านกันทุกคน ใครที่โดนปฏิเสธหรือเพิกถอนวีซ่า ก็ขอให้ได้คืนกัน แล้วพบกันใหม่ปีหน้ากับบทความ สาระดีๆกับคุณหมอวีซ่า และซีพี อินเตอร์ค่ะ

มีคำถามเกี่ยวกับการสมัครหรือสถานะวีซ่าออสเตรเลียของคุณ? ต้องการสมัครเพื่อศึกษาต่อ ทำงาน หรืออาศัยอยู่ในออสเตรเลีย? สามารถขอคำแนะนำจากทีมคุณหมอวีซ่าได้ที่: