30 March 2012

บทความฉบับที่แล้ว คุณหมอวีซ่าได้ทิ้งท้ายก่อนจบว่าจะนำเรื่องของ New Zealand (NZ) เมืองสวรรค์ในน้อยแห่งที่หลงเหลืออยู่ในโลกปัจจุบันอันวุ่นวายมาเล่าให้ฟังหลังจากที่คุณหมอวีซ่าได้มีโอกาสไปร่วมงานประชุมทางการศึกษา ICEF ที่จัดขึ้นที่เมืองแห่งมนต์เสน่ห์ชื่อ Queenstown ในเกาะใต้ของนิวซีแลนด์เมื่อปลายกุมภาฯ-ต้นปีมาฯที่ผ่านมาสดๆร้อนๆ จากการเยือน New Zealand ในครั้งนี้ ทำให้คุณหมอวีซ่าได้เปลี่ยนความคิดและความเชื่อที่เข้าใจกันมาผิดๆมากมายว่าเป็นเมืองที่ไม่ปลอดภัยเนื่องจากเกิดแผ่นดินไหวที่ Christchurch จนทุกคนไม่กล้าไป NZ หวาดกลัวกันตามๆกัน แท้จริงแล้ว หากเราจะเทียบการเกิดเหตุภัยธรรมชาติ ก็เสมือนการเกิดเหตุซึนามิที่ภูเก๊ตในบ้านเรา ก็มิได้แปลว่ากรุงเทพฯจะไม่ปลอดภัยไปด้วย หรือเกิดน้ำท่วมที่กรุงเทพฯ ก็มิได้แปลว่าขอนแก่นจะท่วมไปด้วยเป็นต้นในทำนองเดียวกัน มีพ่อแม่ของนักเรียนไทยที่คุณหมอวีซ่าไปเจอที่โน่นยังแถมทำกำไรมากมายจากการลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ไว้หลายหลังในราคา 2-3 แสนเหรียญ ตอนนี้ก็ขึ้นราคาเป็น 4-5 แสนไปตามๆกัน โดยเฉพาะคนที่ซื้อไว้ในเขตที่เรียกว่า Green area ใน Christchurch จากการที่เขตแผ่นดินไหวอยู่แถบในเมือง ทำให้ผู้คนต้องอพยพย้ายไปอยู่ในเขต Green area ที่ไม่ได้รับผลกระทบ properties และค่าเช่าขึ้นกันมาสูงชลูด ทำกำไรยิ้มไปตามๆกันเป็นแถวๆ ยิ่งถ้าเป็นเมือง Auckland ที่ตั้งอยู่บนเกาะเหนือที่คุณหมอวีซ่าเทียบคล้ายเมืองซิดนีย์ของออสเตรเลีย ก็ยิ่งไม่มีวี่แววจะได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ชีวิตชาวบ้านชาวเมืองก็ดำเนินกันไปตามปกติเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนเมือง Queenstown ที่คุณหมอวีซ่าไปประชุม เปรียบแล้วก็เหมือนเมืองท่องเที่ยว Gold Coast ของ Australia แต่สวยงามไปด้วยเทือกเขาสูงที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวบนยอดเขาอย่างสวยงามกับอ่าและท่าน้ำอันน่าหลงใหล อากาศเย็นสบาย และแน่นอนนคร Wellington อันอลังการก็เทียบเสมือนนคร Canberra เมืองหลวงของออสเตรเลียนั่นเอง ทั้งสองประเทศ New Zealand กับ Australia เป็นเมืองพี่-เมืองน้องกัน จึงมีอะไรที่คล้ายคลึงกันมาก แต่ก็มีความแตกต่างในจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง Citizens ของทั้งสองเมืองสามารถเดินทางข้ามฝั่งกันไปเรียน ทำงาน หรืออาศัยอยู่ถึงกันได้โดยไม่ต้องมีการขอวีซ่าแต่อย่างใด ดังนั้น ในยุคที่ออสเตรเลียกำลังมีปัญหาเรื่องวีซ่าเข้ายากมากๆ จนตัดโอกาสทำ PR โดยเฉพาะวีซ่านักเรียนจากเมืองไทยใครๆก็รู้กันว่ายากสุดๆมาตั้งแต่ต้นปี คศ 2010 จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีวี่แววจะปรับปรุงไปในแนวให้ง่ายขึ้น หากนักเรียนไม่มาเรียนปริญญาหรือระดับด๊อกเตอร์ ก็มีโอกาสโดนปฏิเสธวีซ่าทั้งนั้น ยิ่งระดับดิพโพลม่า เรียกว่าดับไปเลยก็ว่าได้ สัมภาษณ์กันแบบตัดโอกาสโดยสิ้นเชิง ขณะที่ประเทศนิวซีแลนด์อ้าแขนต้อนรับอย่างอบอุ่น หากท่านผู้อ่านท่านใดสนใจ ก็สามารถทำเรื่องไปเรียน ไปทำงาน และในที่สุดได้ PR หรือ citizen ของ New Zealand มาสักอีกหนึ่งสัญชาติ อนาคตก็ไปมาข้ามฟากออสเตรเลียกันได้อย่างสะดวกสบายเช่นกันค่ะ แต่สำหรับ migrants หลายๆคนที่คุณหมอวีซ่ามีโอกาสคุยด้วยที่นิวซีแลนด์ เขาก็ไม่อยากมาอยู่ออสเตรเลีย กลับรักเมืองกีวีเป็นชีวิตจิตใจด้วยสิ่งดีๆที่รัฐบาลนิวซีแลนด์จัดสรรไว้ให้

วีซ่านักเรียนเข้า New Zealand สำหรับวีซ่านักเรียนเข้า New Zealand ที่เป็นที่นิยมส่งกันมากก็เป็นระดับ high schools คุณหมอวีซ่าพบเด็กไทยมากมายไปเรียนระดับ high schools เป็นเวลา 2-3 ปี แล้วบ้างก็กลับไปต่อปริญญาใน international universities ที่เมืองไทย หรือบ้างก็ไป UK, USA, Canada กันไปตามแต่กำลังทรัพย์ และตามแต่เป้าหมายของชีวิตในการเลือกจุดหมายปลายทางแห่งการศึกษาและแนวทางอนาคตของตน ที่เห็นในรูปที่แนบมานี้ เป็นรูปของน้องมิ๊กที่ถ่ายกับคุณหมอวีซ่าที่สถาบันสอนการบินในเมือง Wanaka ของ New Zealand คุณพ่อคุณแม่ท่านได้ส่งน้องมิ๊กไปเรียนที่นิวซีแลนด์ถึง 5 ปีที่โรงเรียนมัธยมฯชื่อ Mount Aspiring College ในเมือง Wanaka ประมาณ 45 นาทีห่างจาก Queenstown ในเกาะใต้ เมืองน้อยที่สวยงาม น่าอยู่มากจนคุณพ่อท่านตัดสินใจซื้อบ้านไว้ให้ลูกอยู่ 1 หลัง ทุกปีคุณพ่อคุณแม่ก็บินไปพักร้อนกับลูก จากราคาบ้าน 2 แสน ตอนนี้ก็ขึ้นเป็น 3 แสนกว่าแล้ว กำไรอย่างคุ้มทั้งอยู่และลงทุน ตอนนี้น้องมิ๊ก ก็กำลังจะจบ Year 12 กับจบ Diploma ด้านการบิน และได้ทุนไปเรียนการบินต่อที่รัฐ Ohio ใน USA เรียกว่าประสบความสำเร็จมาก ส่วนบ้านถ้าขายทิ้ง ก็เท่ากับลูกได้เรียนฟรีมาหลายปีเลยค่ะ หลักสูตรที่คุณหมอวีซ่าอยากแนะนำให้น้องๆทั้งที่จากเมืองไทย หรือที่ถือวีซ่านักเรียนอยู่แล้วจากประเทศไหนก็ตาม สามารถโอนไปเรียนที่ New Zealand ได้กันก็คือหลักสูตร Diploma of Hospitality Management ที่สอนอยู่ที่เมืองแห่งการท่องเที่ยวที่คุณหมอวีซ่าตั้งชื่อให้เป็น “Land of Thousands Hotels & Resorts” คือที่ Queenstown ซึ่งเปรียบเสมือนภูเก๊ตในบ้านเราที่ทุกคนไปเพื่อการพักผ่อนและท่องเที่ยวโดยแท้จริง จึงเต็มไปด้วยโรงแรม รีสอร์ทและร้านอาหารในระดับนานาชาติอยู่ทั่วทุกซอกมุม แทบจะไม่มีบ้านพักอาศัยเลยก็ว่าได้ คุณหมอวีซ่ายังถามว่า เอ๊ะ แล้วชาวบ้านเขาบ้านอยู่ที่ไหนกันน๊ะ ที่ประทับใจก็คือนักเรียนสามารถเรียน 6 เดือน + ทำงานโดยได้รับค่าจ้างเต็มตามโรงแรมแบบ full pay ถึง 9 เดือน + ต่อด้วยภาคทฤษฎีอีก 6 เดือนเป็นอันจบวุฒิ และเด็กส่วนใหญ่ก็ได้งานต่อในโรงแรมที่นั่น ภายใต้ Graduate Job Search หรือ Graduate Work Experience visas อีก 2-3 ปี จนในที่สุดเปลี่ยนเป็น PR ก็มากมาย และแน่นอนในระหว่างที่ถือวีซ่านักเรียนในช่วงเปิดภาคเรียน นักเรียนก็สามารถทำงานได้ 20 ชั่วโมง และทำงานเต็มเวลาในช่วงปิดภาคเรียนอย่างที่เป็นที่รู้กันอยู่แล้ว ส่วนหลักสูตรไปเรียนภาษาอังกฤษ คุณหมอวีซ่าขอแนะนำโรงเรียนที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง Queenstown ที่คุณหมอวีซ่ามีโอกาสไปเยือนเป็นกลุ่มคณะ โดยเฉพาะแห่งหนึ่งที่ มีหลักสูตรรองรับคุณแม่ลูกอ่อนให้ไปเรียนภาษาโดยมีโรงเรียนอนุบาลแบบ Montessori ให้ลูกน้อยได้เรียนในระดับ kindergarten ด้วยอย่างเพียบพร้อม เรียกว่าเป็น package ที่ดีมาก เพื่อนร่วมชั้นจะมาจากแถบยุโรปแถวประเทศ Switzerland, Germany, Italy, Norway เสียเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ภาษาเราพัฒนาก้าวหน้าไปได้เร็วมาก คุณหมอวีซ่าจึงถามเด็กเยอรมันว่าทำไมถึงเลือกมาเรียนที่ New Zealand ไม่เลือก Australia คำตอบก็คือที่ New Zealand ไม่มีงูกับแมงมุม (ตลกไหมหล่ะ) ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง เพราะที่ NZ ไม่มีกระทั่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วนน้ำนม หรือ mammals มีแต่นกที่ลดจาด 300 กว่าพันธุ์มาเหลือแค่ 150 พันธุ์ เนื่องจากชาวออสซี่ได้นำ Mammals เช่นตัว possums กับสัตว์ที่คล้ายสุนัขป่า ไปฝากจนไปกินนกเดินดินของ NZ จนเหลือน้อยพันธุ์นกอย่างน่าเสียดาย และจากเมืองโรแมนติกนี่เองที่นักเรียนไทยคนหนึ่งชื่อน้อง Cherry ที่ไปเรียนภาษา 6 เดือน ด้วยบรรยากาศที่อำนวย ปรากฎว่าพบรักนักเรียนชาวเช๊คโกฯที่โรงเรียนภาษาเดียวกัน แต่งงานกันที่โรงเรียนเลย น่ารักมาก

วีซ่าทำงานแบบ Study to Work Visas Graduate Job Search Visa – นักเรียนที่เรียนจบหลักสูตรที่มีรายการอาชีพลงไว้ใน List of Skilled Occupations ที่สามารถได้แต้มจากการยื่นวีซ่าทักษะ หรือ Skilled Migrant Category ได้ ย่อมมีสิทธิ์ยื่นขอวีซ่าทำงานตัวนี้ได้ 1 ปีเต็มในนิวซีแลนด์ แต่จะต้องยื่นขอภายใน 3 เดือนที่จบคอร์ส (คุณหมอวีซ่ามีรายการอาชีพให้ดูได้ ซึ่งรวมทั้ง Cook, Baker, Hairdresser, etc) โดยไม่จำเป็นต้องมี job offer แต่ต้องมีใบจบการศึกษา และไม่จำเป็นต้องทำงานตรงสายที่เราเรียนมา ผู้ที่จะขอวีซ่าทำงานตัวนี้ได้ จะต้องเป็นผู้ถือวีซ่านักเรียนมาก่อนเท่านั้น ส่วนผู้ถือวีซ่าท่องเที่ยว หรือ Limited Purpose Visa ตัวอื่นๆจะไม่สามารถขอ Graduate Job Search Visa ได้ Graduate Work Experience Visa – 2 ปี หลังจากที่นักเรียนเรียนจบวุฒิการศึกษา จะเป็น Cook, baker, hairdresser, electrician หรือ สาขาอื่นๆก็ตาม หรือในระหว่างที่ถือ Graduate Job Search Visa หากมีนายจ้างยินดีจ้างงานต่อ ก็สามารถยื่นขอวีซ่าที่มีชื่อว่า Graduate Work Experience ต่อทำงานอย่างเต็มเวลาได้อีก 2 ปีในนิวซีแลนด์ แต่หากเป็นนักศึกษาที่เรียนมาในสายวิชาชีพ เช่น บัญชี พยาบาล หมอ หรืออาชีพอื่นๆที่ต้องอาศัยใบทะเบียนในการประกอบอาชีพ และจำเป็นต้องขออยู่ทำงานเพื่อเสริมประสบการณ์งานให้กับตนเอง ผู้สมัครเหล่านี้สามารถขอวีซ่าทำงานประเภทเดียวกันนี้ได้ยาวถึง 3 ปีเลยทีเดียว Skilled Migrant Category for PR ย่อๆก็คือ ผู้ที่ถือวีซ่าทั้งสองประเภทดังกล่าวข้างต้นหลังจบการศึกษาที่ New Zealand หากสามารถทำคะแนนการยื่นวีซ่าทักษะโดยอาศัยวุฒิบัตรและประสบการณืงานของตน โดยรวมแต้มแล้วถึง 140 แต้ม (ทั่วไป NZ จะให้แต้มสำหรับประสบการณ์ทำงานในนิวซีแลนด์ค่อนข้างสูง) ก็จะมีสิทธิ์ยื่นวีซ่าทักษะ Skilled Migrant Visa ตามระบบ Expression of Interest หรือ EOI เพื่อตั้งหลักแหล่งอย่างถาวรที่ New Zealand ได้ หรือที่เราเรียกว่าเป็น Permanent Resident หรือ PR นั่นเอง ระบบของ New Zealand ได้วางไว้อย่างมั่นคงแน่นอน และใช้งานอย่างเห็นผลกันมาแล้วหลายปี โดยวางรากฐานให้กับผู้ที่ไปเรียนจบจากประเทศของเขาได้มีช่องทางก้าวไปสู่วีซ่าถาวรเพื่อช่วยสร้างเศรษฐกิจและเติมแรงงานที่ขาดแคลนให้กับประเทศนิวซีแลนด์อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งพี่ออสซี่ของเราตอนนี้ ก็เพิ่งจะมายืมใช้ระบบ EOI ของ New Zealand มาปรับเข้ากับระบบอิมมิเกรชั่นของประเทศออสเตรเลียที่เกี่ยวพันกับวีซ่านักเรียนที่จะนำไปสู่ช่องทางการทำ PR ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดยั้งในปัจจุบันจนสร้างความปั่นป่วนในวงการวีซ่า เป็นเหตุให้นักเรียนนานาชาติต่างหันเข็มเลือกไปเรียนที่ประเทศตะวันตกอื่นๆ เช่น UK, USA, Canada และ New Zealand ในปัจจุบันนั่นเอง หากมีโอกาสในฉบับหน้า คุณหมอวีซ่าก็จะคุยเรื่องวีซ่าธุรกิจกับการลงทุนที่ New Zealand ให้ฟัง เพราะเห็นมีคนไทยเริ่มไปลงทุนกันไว้มากตั้งแต่ทำร้านอาหารตลอดไปจนร้านนวด โรงแรม ซูวีเนีย สารพัด ขอฝากส่งท้ายก่อนจบในวันนี้ว่า ตอนนี้ที่ CP International Education ของเราได้รับแต่งตั้งให้เป็น New Zealand Specialist Agent แล้ว ดูเว๊ปลิ๊งค์ได้ที่: https://newzealandeducated.com/th/en/blog/entry/thailand_agents/ มีใครอยากสมัครไปเรียนที่ New Zealand ก็ติดต่อ CP Inter มาได้เลยนะคะ วีซ่าสามารถโอนจากออสเตรเลียเข้านิวซีแลนด์ได้เลยค่ะ ขอประชาสัมพันธือีกเรื่องเกี่ยวกับ Partner Visa Seminar จัดโดย CP Inter ที่ Bangkok ในงาน “CP Inter Partner Visas Open House” ในวันเสาร์ที่ 31 March 2012 สำหรับวีซ่าคู่ครองของออสเตรเลีย หากท่านมีเพื่อนฝูงหรือญาติพี่น้องที่อาจอยากยื่นเรื่องวีซ่าแต่งงาน วีซ่าคู่หมั้น de-facto เพศเดียวหรือต่างเพศ ก็สามารถมาร่วมฟังสัมมนาฟรีครั้งนี้ที่ CP Bangkok ได้เลยนะคะ ดูรายละเอียดงานและการจองได้ที่ https://cpinternational.com/what_on_detail.php?id=128 แล้วไว้พบกันในวันงานสัมมนาที่กรุงเทพฯนะคะ ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆ สมหวังเรื่องวีซ่ากันทุกคนเลยค่ะ… ด้วยความปรารถนาดี… จากคุณหมอวีซ่าค่ะ

( เรื่องวีซ่าต้องยกให้ CP – SURE!! )

มีคำถามเกี่ยวกับการสมัครหรือสถานะวีซ่าออสเตรเลียของคุณ? ต้องการสมัครเพื่อศึกษาต่อ ทำงาน หรืออาศัยอยู่ในออสเตรเลีย? สามารถขอคำแนะนำจากทีมคุณหมอวีซ่าได้ที่: