6 March 2014

สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่าน เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วจริงๆนะคะ เผลอแป๊บๆ ก็เข้าสู่เดือนมีนาคมแล้ว ถ้าจะว่ากันตามภาษาฝรั่งก็ ‘the first quarter of the year nearly slips us by’ ซะละ แต่การเมืองบ้านเราก็ยังไม่สงบสักที ผลัดมานานตั้งแต่ shut down กรุงเทพฯเมื่อ 13 มกราคม 2014 จนทุกวันนี้ ชาวต่างชาติก็ยังไม่ค่อยกล้าไปเที่ยวเมืองไทยกัน ส่งผลต่อธุรกิจในสาขาต่างๆของชาวไทยเป็นอย่างมาก ไม่เฉพาะแต่ธุรกิจสายตรงการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว หากแต่การโรงแรม คนนาคม ร้านค้า ร้านอาหาร ต่างก็ได้รับผลกระทบตามๆกันไปโดยทั่วหน้า อย่างน่าเสียดายนะคะ ทั้งๆที่เมืองไทยได้เคยครองตำแหน่งแหล่งการท่องเที่ยวอันดับต้นๆของชาวโลกด้วยดีมาตลอด เห็นกระแสข่าวว่า 27 มีนาคมนี้จะจบแน่ ก็ต้องรอดูกันต่อไปนะคะ แต่ช่วงนี้คุณหมอวีซ่าได้กลับมาประจำการอยู่ที่ซิดนีย์แล้ว เพราฉะนั้นน้องๆคนไหนที่อยากจะนัดมาเจอคุณหมอวีซ่า ก็สามารถโทรเข้ามาได้นัดเลยนะคะที่เบอร์ +61 2 9267 8522

ที่ CP Sydney ช่วงนี้พวกเราทุกคนงานยุ่งมาก เพราะเดือนมีนาคมนี้ เป็นเดือนหัวเลี้ยวหัวต่อของน้องๆนักเรียนนักศึกษาส่วนใหญ่ เพราะส่วนมากวีซ่านักเรียนจะหมดกันในวันที่ 15 มีนาคมนี้ สำหรับน้องๆที่ยังไม่ได้วางแผนอะไร ก็ควรจะต้องรีบคิดแล้วละค่ะ ว่าอยากทำอะไรต่อไป จะอยู่เรียนต่อ ขอวีซ่าทำงาน วีซ่า graduate หรือขอวีซ่าแต่งงาน ขอให้รีบยื่นวีซ่าโดยด่วน หรือเพื่อความชัวร์ก็สามารถมาติดต่อซีพีฯได้เช่นเดียวกัน รีบหน่อยนะคะ เหลือเวลาอีกแค่อาทิตย์เดียวแล้วค่ะ

วันนี้คุณหมอวีซ่าเลยขอฤกษ์ดี เล่าเรื่องความสำเร็จของลูกค้ากันดีกว่า เปิดมาปีใหม่ วีซ่าก็ผ่านกันแทบจะทุกวันเลยค่ะ โดยเฉพาะในวีซ่า partner ตาม processing time บอกว่าต้องรอ 13 เดือน แต่บางคู่ก็แสนจะรวดเร็ว รอเพียงแค่ 6 – 8 เดือน วีซ่าก็ผ่านแล้ว ของอย่างนี้ก็ขึ้นอยู่กับเอกสารที่แนบไปนะคะ ถ้าส่วนใหญ่เอกสารครบถ้วนตามที่อิมมิเกรชั่นกำหนด โอกาสที่วีซ่าจะผ่านไวก็เพิ่มมากขึ้นค่ะ

ขอเริ่มแรกที่น้องเอก่อนเลยนะคะ น้องเอนั้นได้ยื่นวีซ่า de-facto ไปกับแฟนเมื่อปีที่แล้ว น้องเอกับแฟนนั้นเป็นเพศหญิงเดียวกัน แต่ติดที่แฟนน้องเอนั้นเคยแต่งงานและอยู่กินกับผู้ชายมาก่อน หลังจากที่แฟนน้องเอเลิกกับผู้ชายคนนั้นแล้ว ก็ได้มาพบรักกับน้องเอ จนตัดสินใจอยู่ด้วยกันและยื่นวีซ่า de-facto ใครๆ พอเห็นเคสอย่างนี้ก็คงคิดว่าจะต้องยากแน่เลย เปลี่ยนจากต่างเพศมาเป็นเพศเดียวกัน อิมฯจะเชื่อได้อย่างไร แต่ก็เพราะการเตรียมพร้อมของเอกสารที่เรายื่นไป รวมทั้งเรื่องราวต่างๆ กอปรกับน้องเอนั้นก็เป็นเด็กเรียนดี ไม่เคยทำตัวผิดกฎวีซ่าใดๆ ในท้ายที่สุดแล้วก็ได้เทมป์ TR sc820 มาเป็นที่เรียบร้อย ปัจจุบันก็ไม่จำเป็นต้องไปเรียนหนังสือ สามารถทำงานได้เต็มเวลา และได้สิทธิเรียนภาษาอังกฤษฟรีด้วย

เคสที่สองก็คล้ายๆกับน้องเอเลยค่ะ เอาเป็นว่าชื่อ น้องบี (นามสมมุติ) ได้เข้ามาปรึกษาคุณหมอวีซ่าพร้อมแฟนว่าอยากจะยื่นวีซ่าแต่งงาน ตอนที่เข้ามาปรึกษานั้นก็แทบจะไม่มีเอกสารอะไรเลย ซึ่งคุณหมอวีซ่าก็ได้แนะนำแนวทางในการเก็บเอกสารให้ ซึ่งทั้งน้องบีและแฟนสุดท้ายก็ตัดสินใจจดทะเบียนร่วมกันเป็นสามี-ภรรยา ประเด็นมันอยู่ที่ว่าแฟนของน้องบีนั้นได้รับพีอาร์มาจากการยื่นวีซ่า de-facto กับเพศเดียวกันเมื่อหลายปีที่แล้ว แต่ปัจจุบันได้เลิกรากันไปแล้วต้องการจะสปอนเซอร์น้องบีเป็นพีอาร์ อยู่ครองรักกันที่ออสเตรเลียตลอดไป ตามกฎแล้ว การสปอนเซอร์ครั้งนี้ของภรรยาน้องบีจะเท่ากับเป็นการสปอนเซอร์ครั้งสุดท้าย เพราะกฎหมายอนุญาตให้สปอนเซอร์ได้เพียงแค่ 2 ครั้งในชีวิต ในกรณีของแฟนน้องบีนั้นได้รับการสปอนเซอร์มาก่อน ก็นับเป็น 1 ครั้ง และจะสปอนเซอร์สามีต่อ ก็นับเป็นครั้งที่ 2 หรือครั้งสุดท้ายแล้ว หลังจากที่จดทะเบียนสมรสกันก็ยื่นวีซ่าแต่งงานเข้าไปทันที หลังจากที่รอเวลามา 1 ปี ในที่สุดน้องบีก็ได้วีซ่าเทมป์ TR ครองรักกันอย่างมีความสุขกับภรรยาในออสเตรเลีย

เคสสุดท้ายที่คุณหมอวีซ่าอยากจะบอกกล่าวก็เป็นเรื่องของน้องซี (นามสมมุติ) กับสามี เคสนี้น่าสนใจมากนะคะ เพราะตอนที่น้องซีเข้ามาปรึกษากับทีมงานของคุณหมอวีซ่านั้น น้องซีและแฟนได้เข้ามาปรึกษาในการยื่นวีซ่าแต่งงาน แต่ติดที่ว่าแฟนของน้องซีนั้นเคยสปอนเซอร์อีกคนมาก่อน ตามกฎแล้วเราสามารถที่จะสปอนเซอร์อีกคนได้ ต้องผ่านพ้น 5 ปีไปก่อน ถึงจะสปอนเซอร์อีกครั้งได้ สามีของน้องซีเพิ่งจะสปอนเซอร์อีกคนไปเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว มาในฐานะวีซ่าคู่หมั้น อยู่ไปอยู่มาผู้หญิงก็หนีหายกลับไทยไป สามีน้องซีนั้นก็ใช้เวลาพอสมควรในการปรับตัว เพราะมัวแต่เศร้าเสียใจ ไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมอยู่ดีๆ ผู้หญิงถึงทิ้งไป เวลาผ่านมาสักพักโชคชะตาก็นำพาให้น้องซีได้มาเจอกับสามี ทั้งสองฝ่ายก็ได้จดทะเบียนสมรสกันเป็นที่เรียบร้อย แต่ติดตรงที่ยังไม่ครบระยะเวลา 5 ปีที่จะสปอนเซอร์ใหม่ได้ คุณหมอวีซ่าพอเห็นเคสนี้แล้วก็เกิดความสงสาร เพราะไม่ใช่ความผิดของสปอนเซอร์เลยที่อยู่ดีๆ ผู้หญิงคนก่อนจะหนีหายไป คุณหมอวีซ่าเลยช่วยเขียน submission อ้างข้อกฎหมาย และเขียนขอความเห็นใจจากเจ้าหน้าที่ให้ช่วยพิจารณาอนุมัติวีซ่าให้คู่รักนี้ด้วย โดยอ้างเหตุผลที่น่าเห็นใจ หรือที่เรียกว่า compelling reasons ในการขอยกเว้น 5 ปี exclusion period ตรงนี้ให้กับสปอนเซอร์ รอไม่กี่เดือนน้องซีและสามีก็ได้รับข่าวดี ว่าวีซ่าของน้องซีนั้นผ่านเป็นที่เรียบร้อย เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆค่ะ

ส่วนน้องๆคนไหนที่อยากจะประสบความสำเร็จเหมือนคู่รักทั้ง 3 คู่นี้ก็สามารถเข้ามาติดต่อได้ที่ซีพีฯ ทุกสาขาเลยนะคะ โทร 02-9267-8522 ค่ะ และก่อนจะจากกันไปอย่าลืมไปร่วมงาน Thailand Grand Festival ในวันที่ 8 – 9 มีนาคม ซึ่งจัดโดยสถานกงสุลใหญ่ ซิดนีย์ ที่ Tumbalong Park ตรง Darling Harbour นะคะ สำหรับวันนี้เขียนสั้นมาก เพราะกลับถึงซิดนีย์มีงานต้องเคลียร์เยอะมาก คุณหมอวีซ่าขอลาไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ

Khun Pip from CP Inter with Prof. William Purcell at the UTS function on 5 March, 2014
Khun Pip from CP Inter with Prof. William Purcell at the UTS function on 5 March, 2014
Khun Keng - now a PROUD Australian citizen - thanks to CP Inter..
Khun Keng – now a PROUD Australian citizen – thanks to CP Inter..
มีคำถามเกี่ยวกับการสมัครหรือสถานะวีซ่าออสเตรเลียของคุณ? ต้องการสมัครเพื่อศึกษาต่อ ทำงาน หรืออาศัยอยู่ในออสเตรเลีย? สามารถขอคำแนะนำจากทีมคุณหมอวีซ่าได้ที่: