15 June 2012

สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านคอลัมคุณหมอวีซ่าทุกท่าน ได้ข่าวว่าซิดนีย์กำลังหนาวและฝนตกเกือบทุกวัน ยังไงก็ระมัดระวังสุขภาพกันหน่อยนะคะ ช่วงนี้คุณหมอวีซ่าประจำการอยู่ที่สำนักงาน CP International ที่กรุงเทพฯ ใครมีเพื่อนฝูงญาติมิตรอยากพบ ก็นัดเข้ามาคุยได้เลยนะคะ ผ่านคุณน้ำผึ้ง Tel: +66 2 278 1236 ค่ะ ไม่ได้จงใจหนีฝนนะคะ หากแต่มาช่วยงานทีมงานกรุงเทพฯในการจัดงาน “CP Australia Higher Education Fair 2012” ที่เพิ่งผ่านไปด้วยความสำเร็จเป็นที่พึงพอใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อวันเสาร์ที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมาที่โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส ที่มาบุญครอง โดยมีท่านทูตพาณิชน์ประจำสถานทูตออสเตรเลีย คุณ Maurine Lam (Senior Trade Commission & Minister (Commercial) ให้เกียรติมาเป็นองค์ประธานกล่าวเปิดงานให้พร้อมด้วยทีมงาน Austrade ฝ่ายการศึกษามากันเกือบทั้งทีม ทาง CP Inter ขอกราบขอบพระคุณท่านทูตฯและทีมงานในการสนับสนุนอีกครั้งในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง ในงานก็มีน้องๆและครอบครัวมากมายมาร่วมงาน รวมทั้งมาร่วมฟังสัมมนาถึงกฎ กติกาของวีซ่านักเรียนเข้าออสเตรเลียนำเสนอโดยคุณหมอวีซ่า (9896337) โดยตรง และคุณคริส Migration Agent ที่มีประสบการณ์สูงยิ่งมาตั้งแต่ปี 1993 ก็ได้นำเสนอเกี่ยวกับหัวข้อ top hit – “Visa Options After Graduation” สำหรับน้องๆที่จบการศึกษาจากประเทศออสเตรเลียว่าจะมีโอกาสทำงานหรือตั้งหลักแหล่งได้สัญชาติออสเตรเลียเพิ่มมาอีกหนึ่งสัญชาติโดยอาศัยความสามารถของตนได้อย่างไร คุณหมอวีซ่าประทับใจมาก เพราะถึงกับมีน้องๆบางคนถึงกับบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากมาเลเซียและพม่า มาร่วมงานนี้โดยเฉพาะ (ผู้อ่านท่านไหนอยากดูภาพสวยๆ ภายในงาน สามารถตามไปชมได้ที่ cpinternational.com กันได้เลยค่ะ)

ฉบับก่อนหน้านี้คุณหมอวีซ่าได้เขียนถึงเรื่องราวว่า ระยะนี้มีลูกค้าผ่านวีซ่ากันมากมายก่ายกองเหลือเกิน ตามกันมาติดๆทุกวัน บางครั้งก็วันละ 2-3 กรณี รับจดหมาย visa grant กันแทบไม่ทัน ไม่ว่าจะเป็นวีซ่าแต่งงานทั้งแบบ temporary และ permanent วีซ่า skilled (Independent Skilled Visa – sc880, sc885) วีซ่านักเรียน และที่สดๆร้อนๆ เพิ่งผ่านเมื่อคืนนี้ (14 มิถุนายน) ก็วีซ่าคู่หมั้น Prospective Marriage Visa สองคู่ซ้อนจากเมืองไทยในวันเดียวกัน ตามด้วยวีซ่าคุณแม่ (Contributory Parent) และวีซ่าผู้ปกครองนักเรียน (Student Guardian visa) ที่ยื่นเป็นครั้งแรกจาก Melbourne ก็ผ่านให้อีก ผ่านกันเยอะแยะมากมายจนคุณหมอวีซ่าชักจะฉงนว่ารัฐบาลกำลังใจดี หรือถึงเวลาโล๊ะเคสเก่าๆก็ไม่ทราบนะคะ เพราะรุ่นวีซ่าทักษะที่ตกค้างกันมาตั้งแต่ 2-3 ปีก่อนตอนที่รัฐบาลเปลี่ยนกฏจนวุ่นวาย ก็กลับมาเริ่มทยอยกันได้ อย่างไร คุณหมอวีซ่าก็ต้องขอแสดงความยินดีกับน้องๆลูกๆหลานๆทั้งหลายที่วีซ่าผ่านๆกันอย่างฉลุยในช่วงนี้ คุณหมอวีซ่าและทีมงานรู้สึกปลื้มทุกครั้งที่สามารถทำให้วีซ่าน้องๆเหล่านี้ผ่าน และสามารถมีโอกาสที่จะได้เป็นพีอาร์ หรือมีโอกาสเรียนหนังสือที่นี่พร้อมกับได้ทำงานไปด้วยอีกด้วย โดยเฉพาะในคู่รักที่วีซ่าต้องยื่นมาจากเมืองไทย ก็จะมีโอกาสได้มาอยู่ด้วยกัน ตั้งต้นชีวิต และมีอนาคตที่สดใสในออสเตรเลียกันทั่วทุกคู่เลยนะคะ ดีใจด้วยอย่างจริงใจค่ะ

วันนี้คุณหมอวีซ่าเลยขอถือโอกาสอันดีมาเขียนบอกเล่าเรื่องราวต่างๆกรณีของพวกเขากัน (โดยใช้นามสมมุติ แต่การันตีว่าเป็นเรื่องจริงทุกเรื่องค่ะ) เพื่อให้คนที่ยังไม่ได้วีซ่า หรือกำลังจะเตรียมยื่นกัน จะได้มีกำลังใจกันต่อไปนะคะ

เรื่องที่ 1 – เริ่มจากวีซ่าฮอตฮิต คือ วีซ่านักเรียน ในปัจจุบันนี้น้องๆคงจะทราบและได้ลิ้มรสถึงความยากส์ของวีซ่านักเรียนกันมามากแล้ว กว่าจะได้มาซึ่งวีซ่านักเรียนหนึ่งตัว รอแล้วรออีกก็ยังไม่ได้ บางคนโดนเรียกเอกสาร 2 – 3 รอบ ทางอิมมิเกรชั่นไม่ยอมออกวีซ่าให้สักที บางคนวีซ่านักเรียนก็โดนปฏิเสธ เพราะทางอิมมิเกรชั่นเห็นว่าต่อวีซ่านักเรียนมาหลายรอบแล้ว ทำไมถึงยังไม่กลับบ้านกันสักที บ้างก็โดนเล่นงานเรื่อง statement การเงิน ขอยกตัวอย่างเรื่องของ ตัวอย่าง น้องบี (นามสมมุติ) เป็นนักเรียนที่มาศึกษาในระดับปริญญาโทในมหาวิทยาลัยดังแห่งหนึ่งในซิดนีย์ อยู่มาวันหนึ่ง น้องบีมาหาคุณหมอวีซ่าเพราะได้รับจดหมายมาจากทางมหาวิทยาลัย ให้เขียนจดหมาย appeal เข้าไปที่มหาวิทยาลัยว่าทำไมน้องบีถึงสอบตก และทำไมมหาวิทยาลัยจึงต้องให้โอกาสน้องบีลงทะเบียนต่อ แต่กว่าน้องบีจะมาหาคุณหมอวีซ่า ก็ล่วงเลยเวลา appeal ไปแล้วประมาณ 2 เดือน และวีซ่าของน้องกำลังจะหมดในอีก 5 วัน หมดเวลา appeal แถมโดนเพิกถอนการเรียน หรือที่เรียกว่า exclusion 1 ปีเต็มไปเรียบร้อย ทำให้คุณหมอวีซ่าต้องรีบหาโรงเรียนใหม่มารองรับน้องบีให้ได้หลักสูตรเรียนต่อ แต่ปัญหาไม่ได้จบกันเพียงแค่นั้น กว่าวีซ่านักเรียนของน้องบีจะออกก็เล่นเอาทีมงานคุณหมอวีซ่าเขียนเรื่องแก้ต่างให้น้องบีจนเหงื่อตกกันเลยทีเดียว เนื่องจากคอร์สเรียนใหม่ที่น้องบีเรียนนั้นเรียนในระดับที่ต่ำกว่าเดิม ทางอิมมิเกรชั่นต้องถามแน่นอนแล้วว่าทำไมน้องบีถึงจะอยากเรียนในระดับนี้ แล้วมันจะส่งผลดีต่ออนาคตของน้องเขาอย่างไร ด้วยตัวน้องบีนั้นมีแฟนติดตามมาด้วย ถ้าหากวีซ่าน้องบีไม่ผ่าน หมายความว่าทั้งน้องบีและแฟนนั้นจะต้องกลับไทยกันทั้งคู่ เสียอนาคตแน่ๆแถมอายญาติอายเพื่อนอีก กว่าวีซ่าน้องบีจะผ่านนั้น ทางอิมมิเกรชั่นเรียกขอ statement ถึงสองรอบด้วยกันว่าทำไมเค้าควรจะให้วีซ่านักเรียนแก่น้องบี แต่เนื่องจากน้องบีมีความตั้งใจจริงที่จะเรียน และทางทีมงานเราก็เขียนเรื่องราวยืนยันจนอิมมิเกรชั่นเห็นถึงความตั้งใจนั้นจริงๆด้วยภาษาสละสลวย ซึ่งในที่สุดน้องบีก็ได้วีซ่านักเรียนค่ะ ไปเรียนได้ตามปกติโดยที่ไม่ต้องกลับไทยในระหว่างที่โดน exclusion period และแฟนของน้องบีก็สามารถทำงานได้ตามปกติ เคสนี้คุณหมอวีซ่าดีใจมากเป็นพิเศษเพราะเนื่องจากในปัจจุบันแค่วีซ่านักเรียนธรรมดาก็ยังผ่านกันยากเลย แต่ทีมงานของคุณหมอวีซ่าก็สามารถช่วยให้น้องบีสามารถผ่านรอดวิกฤตครั้งนี้ไปได้ จนได้วีซ่ามาได้อีกครั้ง นับว่าเป็นข่าวดีมากๆเลยล่ะค่ะ

เรื่องที่ 2 – คนต่อไปที่คุณหมอวีซ่าขอกล่าวถึงก็คือน้องเจ (นามสมมุติ) น้องเจนั้นถือวีซ่านักเรียน โดยมีภรรยาถือวีซ่าติดตาม แล้วอยู่มาวันหนึ่งภรรยาก็มาบอกน้องเจว่าตัวเค้านั้นจะเปลี่ยนไปเรียนแทน ซึ่งตัวน้องเจเข้าใจว่าเขาจะถือวีซ่าติดตามตัวภรรยาโดยอัติโนมัติ แต่อยู่มาวันหนึ่งน้องเจไม่สามารถติดต่อภรรยาได้ (หายตามแฟนใหม่ไปไหนก็ไม่ทราบ) และได้ไปติดต่อเอเจนท์แห่งหนึ่งช่วยตรวจสอบสถานะวีซ่านักเรียนให้หน่อย และทางเอเจนท์ก็แจ้งว่าวีซ่านักเรียนของเจนั้นโดนแคนเซิลไปได้ประมาณเกือบปีแล้ว แต่เนื่องจากน้องเจไม่แน่ใจว่าข้อมูลของเอเจนท์นั้นถูกต้องหรือไม่ จึงมาหาคุณหมอวีซ่าให้ช่วยเหลือในเรื่องนี้ เมื่อตอนน้องเจมาหาคุณหมอวีซ่า คุณหมอวีซ่าได้เช็คและตรวจสอบกับทางเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นไปโดยตรงเลย ก็พบว่าวีซ่าน้องเจนั้นโดนแคนเซิลไปจริง เพราะน้องเจไม่ยอมไปเรียนโดยทางโรงเรียนได้ส่ง NCN Letter มาที่บ้านของน้องเจตามที่อยู่เก่า ซึ่งในตอนนั้นน้องเจได้ย้ายไปอยู่อีกเมืองแล้ว แต่น้องเจไม่ทราบมาก่อนเลยว่าต้องไปเรียน เพราะน้องเจเข้าใจมาตลอดว่าภรรยาของตัวเองนั้นได้กลับไปถือวีซ่านักเรียนเรียบร้อยแล้ว และตัวน้องเจก็สามารถถือติดตามภรรยาไปโดยอัตโนมัติได้เลย ซึ่งจริงๆแล้วน้องเจนั้นเป็น main visa holder มาตลอด (โดนผู้หญิงหลอกเงินไปว่าจะเอาไปทำวีซ่านักเรียนโดยพ่วงน้องเจเป็นผู้ติดตาม และแล้วตัวก็หายไปพร้อมเงิน คุณหมอวีซ่าก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนไทยกันเองทำไมจึงมาหลอกกันได้อย่างนี้) และตัวน้องเจเองก็ไม่เคยได้รับจดหมาย warning หรือเอกสารต่างๆจากทางโรงเรียนให้ไปเรียน ซึ่งทางคุณหมอวีซ่าก็สามารถอาศัยความชำนาญทางตัวบทกฎหมายอิมมิเกรชั่นมาช่วยให้น้องเจหลุดพ้นความทุกข์ยากจนได้วีซ่ากลับคืนมาในครั้งนี้ เพราะตรงนี้ถือเป็นความผิดของทางโรงเรียนที่ไม่ดูแลเด็ก เกิดความผิดพลาด กอปรกับทางเอเจนท์เดิมนั้นก็ไม่ดูแลสอบถามเด็กให้ถูกต้องแน่นอน ทำให้วีซ่าน้องเจต้องโดนแคนเซิลและกลายเป็นผีโดยที่น้องเจเองก็ไม่รู้เลยมาเกือบปี สงสารน้องเจ คุณหมอวีซ่าดีใจมากค่ะที่สามารถเอาวีซ่าคืนให้กับน้องเจได้เพราะเป็นกรณีที่เรียกคืนยากมากๆ แต่ก็ช่วยคืนมาได้ “เปลี่ยนผีเป็นคน” ได้ว่างั้นเถอะ เคสแบบนี้คุณหมอวีซ่าชอบทำมาก สนุกมันมือดี เพราะถือว่าเป็นการท้าทายมาก เวลาเขียนเรื่องมักจะลืมนอนเลยเชียวแหล่ะ แต่เวลาที่เราช่วยชุบวีซ่าคืนให้ใครคนหนึ่งได้ ความรู้สึกที่ปลื้มใจอย่างบอกไม่ถูกนั้น บรรยายไม่ได้ด้วยคำพูดจริงๆเลยค่ะ ใครที่มีปัญหาคล้ายกับน้องเจ ก็ขอให้รีบเข้ามาปรึกษาทีมงานคุณหมอวีซ่าเลยนะคะ อย่าปล่อยไว้เนิ่นนาน สักวันในเร็ววันนี้ หาก automatic visa cancellation ยกเลิกเมื่อไร โอกาสที่จะได้วีซ่าคืนนั้นก็ยากขึ้นเป็นเงาตามตัวค่ะ

มาต่อกันที่ข่าวดีของ partner visa ช่วงนี้วีซ่าคู่ครองนั้นผ่านกันเป็นว่าเล่นเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นวีซ่าคู่หมั้น วีซ่าแต่งงาน de-facto เพศเดียวกันหรือต่างเพศก็ผ่านเร็วทันใจจริงๆ (สำหรับคู่ที่ยื่นหลังเดือนมีนาคม 2012 เป็นต้นมานะคะ)

เรื่องที่ 3 – คู่รักคู่แรกที่คุณหมอวีซ่าอยากกล่าวถึง และเพิ่งได้รับวีซ่ากันไปเมื่อวานนี้ (14 มิถุนายน) ก็คือคุณชุ (นามสมมุติ) แฟนของคุณชุ คุณ Ant (นามสมมุติ) นั้นเป็น Australian Citizen และได้มาพบรักกับคุณชุในตอนที่มาพักผ่อนที่กรุงเทพฯ เมี่อคุณ Ant กลับมายังซิดนีย์ ก็มาที่ซีพีฯ ซิดนีย์ โดยได้รับคำแนะนำจากเพื่อนหลายคนให้มาพบคุณหมอวีซ่า เพราะต้องการจะหาคอร์สเรียนภาษาอังกฤษให้กับแฟนรัก คือคุณชุ โดยคุณ Ant นั้นจะเป็นผู้สนับสนุนในด้านการเงิน และที่พัก แต่เนื่องจากคุณชุมีอายุค่อนข้างเยอะ และยังติดในเรื่องของปัจจัยหลายๆอย่าง คุณหมอวีซ่าเห็นว่าโอกาสในการที่จะได้วีซ่านักเรียนนั้นจะผ่านนั้นค่อนข้างยาก เลยแนะนำให้ทำวีซ่าคู่หมั้นมาอยู่เลย ทำงานเต็มเวลาได้ โดยไม่ต้องไปเรียน คุณ Ant ปลื้มใจในคำแนะนำที่ถูกต้องและอย่างจริงใจจากคุณหมอวีซ่ามาก เพราะทำให้ปัจจุบันนี้วีซ่าของคุณชุผ่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กำลังจะบินมาเร็วๆนี้ แถมคุณ Ant ทำงานเป็นผู้จัดการโรงแรม ได้หางานเตรียมรอให้แฟนสาวทำงาน part time (กลัวแฟนจะเหนื่อย) ที่เดียวกันไปเรียบร้อยแล้ว วีซ่าคู่หมั้นตัวนี้เป็นวีซ่าที่ชาวออสซี่สามารถสปอนเซอร์แฟนให้เข้ามาอยู่กับเขาในประเทศออสเตรเลียได้ และจะต้องแต่งงานกันภายใน 9 เดือนนับจากได้วีซ่า เอกสารที่ประกอบการยื่นค่อนข้างซับซ้อน แต่ถ้าเตรียมเข้าไปครบถ้วน ก็ผ่านไวมาก เมื่อคุณชุมาถึงออสเตรเลียก็สามารถที่จะทำงานเต็มเวลา และสามารถเรียนหนังสือได้ด้วยเช่นกัน เห็นมั้ยคะเพราะคำแนะนำที่ถูกต้อง จึงทำให้คุณชุและคู่หมั้นมีโอกาสอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในออสเตรเลีย โดยไม่ต้องไปติดประวัติเสียโดนปฏิเสธวีซ่าท่องเที่ยวหรือวีซ่ากันมาดั่งในหลายๆกรณีลูกค้าที่มาพบ เพราะไปหา education agents ที่ไม่มีความรู้เรื่องวีซ่าตัวที่เหมาะสมกับแต่ละคน แต่ละกรณี ยื่นเป็นแต่วีซ่านักเรียนจนโดนปฏิเสธกันมาเยอะมากในช่วงนี้

เรื่องที่ 4 – คู่รักคู่ที่สองที่คุณหมอวีซ่าต้องขอแสดงความยินดีด้วยคือ น้องหนึ่งและน้องหลิน น้องหลินนั้นเป็นลูกค้าเก่าแก่มานานที่น่ารักมากๆของซีพีฯ คนหนึ่ง ซึ่งทางซีพีฯนั้นก็เป็นผู้ที่ทำเรื่องของน้องหลินจากโดนปฏิเสธวีซ่ามากจากเอเจนในซิดนีย์เจ้าหนึ่ง จนกระทั่งได้พีอาร์จาก Skilled Independent Visa (sc885) และน้องหลินกับแฟนก็ให้ความไว้วางใจทำเรื่อง partner visa อีกครั้งกับ CP Inter น้องทั้งสองคนนั้นเป็นแฟนกันและอยู่ด้วยกันมากว่า 3 ปีแล้ว เมื่อทั้งสองตัดสินใจที่จะยื่นวีซ่าภายใต้ de-facto relationship ก็เข้ามาขอคำปรึกษาคุณหมอวีซ่าและทีมงาน ซึ่งคุณหมอวีซ่าก็ได้ให้คำแนะนำที่ถูกต้องนับแต่เริ่มเรื่อง ทั้งสองได้เก็บหลักฐานความสัมพันธ์ร่วมกันมาตลอด และเมื่อถึงเวลาก็ได้ยื่น visa application เข้าไปผ่านภายในสองสัปดาห์ เร็วจนน้องทั้งสองยังไม่ทันตั้งตัวเลยค่ะ

ท่านผู้อ่านทั้งหลายคงจะจำกันได้ว่าก่อนหน้านี้ ทางอิมมิเกรชั่นได้ออกมาประกาศถึง “Decision Ready Application” Rule ที่คุณหมอวีซ่าเคยเขียนในฉบับก่อน ทั้งนี้เพราะอิมมิเกรชั่นมีเคสคู่ครองที่รอการพิจารณาอยู่มากมายถึง 20,000 เคส ดังนั้นถ้าหากผู้สมัครคนไหนที่ต้องการจะยื่น และยื่นผ่านเอเจนท์ เมื่อเห็นว่าเอกสารครบหมดแล้วก็สามารถที่จะยื่น application เป็นแบบ decision ready หรือพร้อมที่จะตัดสินทันที ซึ่งทางอิมมิเกรชั่นเองเห็นว่าเอกสารในเคสนี้ครบถ้วนเรียบร้อย ก็สามารถที่จะตัดสินออกวีซ่าให้เลยภายใน 1 – 2 อาทิตย์ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระให้กับทางอิมมิเกรชั่นนั่นเอง ซึ่งน้องหนึ่งและน้องหลินนั้นก็ตัดสินใจที่จะยื่นแบบ decision ready application รอเพียงแค่ 2 อาทิตย์เท่านั้น น้องหนึ่งก็ได้ทีอาร์มาครองเรียบร้อย นับว่าเร็วมากๆเลยค่ะ คุณหมอวีซ่าก็ต้องขอแสดงความยินดีด้วยที่น้องหนึ่งนั้นได้วีซ่ามาแล้วเรียบร้อย ได้ใช้สิทธิเมดิแคร์ และสามารถทำงานได้เต็มเวลา

เรื่องที่ 5 – ส่วนสำหรับผู้อ่านท่านไหนที่ปัจจุบันนี้อยู่อย่างไม่มีวีซ่า และก็กลัวว่ายื่นวีซ่าไปจะผ่านหรือเปล่า คุณหมอวีซ่าก็ขอยืนยันว่าโอกาสในการได้วีซ่าก็ยังมีอยู่ เช่นเดียวกับน้องดี (นามสมมุติ) และน้องเอฟ (นามสมมุติ) ทั้งสองคนนั้นเคยถือวีซ่านักเรียนมาก่อน น้องดีนั้นอยู่จนวีซ่าขาด แต่ก็ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ เพราะกลัวใครจะไปแจ้งอิมมิเกรชั่นแล้วต้องโดนส่งกลับประเทศ น้องดีนั้นได้พบรักกับหนุ่มออสซี่ และตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน และได้มาติดต่อคุณหมอวีซ่าขอคำปรึกษา คุณหมอวีซ่าจึงแนะนำให้ทั้งสองคนไปจด Relationship Certificate และเก็บเอกสารความสัมพันธ์ก่อนที่จะยื่น partner visa โดยทีมงานคุณหมอวีซ่าคอยหมั่นสอนการเตรียมเอกสารที่ดีๆและอย่างถูกต้องให้ก่อนล่วงหน้าการยื่น และในปัจจุบันนี้หลังจากที่รอมาเกือบปี (รุ้นเก่า) น้องดีก็ได้รับวีซ่าเรียบร้อยโดยยื่นที่ Sydney และผ่านที่ Sydney โดยไม่ต้องกลับไปยื่นที่ไทย ช่วงรอ 1 ปี ทีมงานคุณหมอวีซ่าก็ช่วยทำ Work permit ให้ ปัจจุบันน้องดีไม่ต้องกังวลว่าจะมีผู้ไม่หวังดีไปแจ้งอิมฯอีกต่อไป เพราะสามารถทำงานและได้รับสิทธิเมดิแคร์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย กลับชีวิตคนๆหนึ่งตะละปัดเลยค่ะ

เรื่องที่ 6 – อีกกรณี น้องเอฟ (นามสมมุติ) นั้นก็อยู่โดยไม่มีวีซ่าเช่นเดียวกัน แต่ในกรณีน้องเอฟนั้น ถูกเอเจนท์หลอกให้ทำ protection visa แล้วก็โดนปฏิเสธ จากนั้นขึ้น MRT ทาง MRT เองก็ยืนยันคำตัดสินเดิม เสียเงินเสียทองไปมากมาย แถมยังโดนเอเจนท์หลอกให้คำแนะนำผิดๆอีกด้วย อยู่มาวันหนึ่งน้องเอฟได้เจอกับแฟนและตัดสินใจที่จะทำ de-facto (same-sex relationship) ก็ได้เข้ามาขอคำปรึกษาจากทีมงานคุณหมอวีซ่า ซึ่งคุณหมอวีซ่าก็ช่วยจนน้องเอฟให้ได้ทีอาร์ในที่สุด คุณหมอวีซ่าดีใจมากค่ะที่สามารถช่วยน้องทั้งสองคนให้กลับมาเป็นคนได้อีกครั้ง เห็นมั้ยคะถ้าหากได้รับคำแนะนำผิดๆเช่นน้องเอฟในตอนแรกก็ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อชีวิตของเรา แทนที่จะมีอนาคตสดใสแต่กลับต้องกลายเป็นผีอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ ไม่สบายทั้งกายและใจ ดังนั้นเพื่อความชัวร์ อย่าลืมเข้ามาปรึกษากับทีมงานซีพีฯถึงวิธีการในการยื่นวีซ่าที่ถูกต้องค่ะ หลายคนอาจจะเข้าข่ายวีซ่าตัวใดตัวหนึ่งโดยไม่รู้มาก่อน ก็เป็นไปได้ค่ะ

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเคสที่ผ่านกันเยอะแยะมากมาย เช่นในกรณีของน้องไก่และสามีที่ต้องการจะยื่น partner visa ซึ่งในตอนแรกทั้งสองนั้นไม่ทราบวิธีการเตรียมเอกสารในการยื่นวีซ่า ทั้งสองได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องจากคุณหมอวีซ่า ก็ยื่นเคสและวีซ่าก็ผ่านภายใน 3 วัน นับว่ารวดเร็วจริงๆค่ะ และยังมี second stage partner visa ที่ได้พีอาร์กันภายในอาทิตย์เดียวเท่านั้น ซึ่งลูกค้าท่านนี้นั้นได้ยื่น partner temporary offshore (sc309) มาจากเมืองไทย ในตอนแรกนั้นคุณติ๊กนั้นต้องการที่จะยื่น second stage เอง เพราะเพื่อนสาวคนสนิทแนะนำว่าขั้นตอนพีอาร์นั้นง่ายทำเองก็ได้ ซึ่งคุณติ๊กก็มารู้ภายหลังว่า เพื่อนสาวนั้นก็ตัดสินใจใช้เอเจนท์ยื่นให้เช่นเดียวกัน เพราะเสียเงินเพิ่มอีกหน่อยแต่เพื่อความชัวร์จะดีกว่า ซึ่งคุณติ๊กก็ตัดสินใจให้ซีพีดำเนินการให้ต่อ และก็ได้พีอาร์ภายใน 1 อาทิตย์เท่านั้น จริงอยู่ว่าการทำวีซ่าเองนั้นอาจจะประหยัด แต่ถ้าหากไม่ทราบกฎที่ถูกต้องก็อาจจะมีสิทธิ์โดนปฏิเสธกันได้ง่ายๆ แถมยังต้องมาให้แก้วีซ่ากันทีหลัง กลายเป็นต้องเสียเงินทองมากขึ้นอีกเพื่อแก้ปัญหาที่ตัวเองทำลงไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ไม่ใช่เพียงแต่วีซ่าคู่ครอง และวีซ่านักเรียนจะผ่านเท่านั้นนะคะ วีซ่า skilled ก็ผ่านกันเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นน้องเจิ้นที่ได้รับ PR จากการยื่น skilled independent visa (sc885) จากอาชีพ ICT Business Analyst ซึ่งน้องเจิ้นนั้นได้พีอาร์ภายในเดือนเดียวเท่านั้น ปัจจุบันน้องเจิ้นก็มีอนาคตที่สดใสรออยู่ในประเทศออสเตรเลียค่ะ นอกจากนี้ก็ยังมีน้องอีกสองคนที่ได้รับ PR จากอาชีพ cook เช่นเดียวกัน

เห็นมั้ยคะว่าช่วงนี้วีซ่าที่ทีมงานคุณหมอวีซ่ายื่นๆกันเข้าไปนั้นผ่านกันมากจนคุณหมอวีซ่าไม่ทราบจะหยิบยกเรื่องใดมาเขียนเล่าสู่กันฟัง เพราะแต่ละเคสก็แตกต่างกันไป แต่ก็มาสรุปกันตรงที่ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องในการดำเนินการเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเอกสาร การกรอกฟอร์ม หรือการวางแพลนในการยื่นวีซ่า เพราะฉะนั้นคุณหมอวีซ่าก็อยากจะย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าการจะสมัครวีซ่าอะไรก็ตาม เราควรจะได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องในการยื่นวีซ่า และเพื่อความชัวร์ยิ่งขึ้นเราควรจะเลือกใช้เอเจนท์ที่ถือใบอนุญาตของของ Migration Agents Registration Authority หรือย่อว่า MARA เพื่อความคุ้มครอง ในการเลือกใช้เอเจนท์ หากเราได้เอเจนท์ที่ดี มีจรรยาบรรณ และยิ่งมีชื่อเสียงที่ดีๆติดกับอิมฯมานานนับสิบกว่าปี เคสก็จะได้รับความไว้วางใจจากเจ้าหน้าที่อิมฯมากกว่า เพราะเอเย่นท์ดีๆเหล่านี้ เขาก็จะรู้กฎหมายจริง ทำอะไรไม่ซี้ซั้ว ก็จะไม่โดนเพ่งเล็งเหมือนเอเย่นท์ที่อาจเคยโดนเพิกถอนใบอนุญาตมาก่อน หรือเป็นเอเย่นท์สมัครเล่น บ้างก็มือใหม่ขาดประสบการณ์ คุณหมอวีซ่าและทีมงานก็ขอแสดงความยินดีกับน้องๆทุกท่านอีกครั้งที่ได้ทั้งวีซ่า ทีอาร์ และพีอาร์ ตลอดจนมีโอกาสที่จะเรียน ทำงานกันต่อ และมีอนาคตที่สดใสในประเทศออสเตรเลีย

ก่อนจะจากกันไป คุณหมอวีซ่าขอแถมข่าวล่ามาเร็วซึ่งเพิ่งจะประกาศออกมาวันนี้เองสดๆร้อนๆ (15 มิถุนายน 2012) ถึงแต้มขั้นต่ำที่จะมีโอกาสในการยื่น EOI ใน SkillSelect โดยปกติแล้วคะแนนขั้นต่ำจะผ่านอยู่ที่ 65 คะแนน (pass mark) แต่ในวันนี้ทางอิมมิเกรชั่นได้ออกข่าวมาว่า ต่อไปนี้ point test ขั้นต่ำในการยื่น EOI จะอยู่ที่เพียง 60 แต้ม สำหรับผู้ที่สมัคร SkillSelect หรือวีซ่า sc 189, sc190 และ sc489 ซึ่งในฉบับหน้าคุณหมอวีซ่าจะมาเล่าถึง SOL List ในการสมัคร SkillSelect ตัวใหม่ ตลอดจนเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับ SkillSelect กันค่ะ เพราะฉะนั้นโปรดอดใจรอ แต่ถ้าหากรอไม่ไหวและอยากทราบคำแนะนำเพิ่มเติม ก็สามารถโทรมาได้ที่ 02-9267-8522 ได้เลยค่ะ หรือรอฟังข่าวการจัดสัมมนาให้ฟังในในอีกไม่นานนี้จากทีมงาน CP International นะคะ

มีคำถามเกี่ยวกับการสมัครหรือสถานะวีซ่าออสเตรเลียของคุณ? ต้องการสมัครเพื่อศึกษาต่อ ทำงาน หรืออาศัยอยู่ในออสเตรเลีย? สามารถขอคำแนะนำจากทีมคุณหมอวีซ่าได้ที่: